บริษัทฯ เห็นว่า การที่หุ้นของบริษัทฯ มีราคาสูงย่อมแสดงให้เห็นถึงสถานะความมั่นคงทางการเงินของบริษัทฯ คนทั่วไปอาจตั้งข้อสังเกตว่าบริษัทฯ ประสบปัญหาทางการเงินได้ ประกอบกับผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่ที่ถือหุ้นในบริษัทฯ มุ่งประสงค์จะถือครองไว้เพื่อเป็นการลงทุนในระยะยาว ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องลดมูลค่าต่อหุ้นลงแต่อย่างใด

เนื่องจาก บริษัทฯ มีกำไรจากการลงทุนค่อนข้างมาก ซึ่งส่วนใหญ่จะเน้นที่การลงทุนในระยะยาว โดยเฉพาะการซื้อหลักทรัพย์ที่มีความเสี่ยงไม่สูงมาก ซึ่งจะต้องพิจารณาจากปัจจัยขั้นพื้นฐานของหลักทรัพย์ดังกล่าวประกอบด้วย สำหรับการลงทุนในพันธบัตรนั้น สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) อนุญาตให้บริษัทฯ ลงทุนได้เฉพาะพันธบัตรรัฐบาลในประเทศเท่านั้น จึงอาจมีผลตอบแทนไม่สูงมาก เมื่อเปรียบเทียบกับพันธบัตรรัฐบาลต่างประเทศ

การประกันภัยจำเป็นต้องอาศัยหลักการกระจายความเสี่ยงเป็นสำคัญ และยังต้องพิจารณาถึงลักษณะของความเสี่ยงภัยกับความคุ้มค่าในการรับประกันภัยเพื่อใช้ในการกำหนดค่าเบี้ยประกันภัยของแต่ละรายหรือแต่ละประเภทให้เหมาะสม เช่น กรณีที่ความเสี่ยงภัยสูง ค่าเบี้ยประกันภัยย่อมสูงตามไปด้วย เป็นต้น

ในการรับประกันภัยที่มีทุนประกันภัยค่อนข้างสูง บริษัทฯ มีนโยบายกระจายความเสี่ยงโดยการจัดทำประกันภัยต่อ ซึ่งต้องพิจารณาถึงความน่าเชื่อถือและความมั่นคงของบริษัทที่รับประกันภัยต่อ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ได้กำหนดให้มีความน่าเชื่อถือในระดับ BBB+ ขึ้นไป (S&P Rating) ซึ่งส่วนใหญ่บริษัทฯ จะพิจารณาจากรายชื่อบริษัทประกันภัยต่อที่ความน่าเชื่อถือในระดับ A ขึ้นไปเท่านั้น และมีการติดตามการจัดอันดับความน่าเชื่อถือให้ทันสมัยอยู่เสมอ อย่างไรก็ดี บางกรณีที่บริษัทฯ อนุโลมส่งงานประกันภัยต่อไปยังบริษัทประกันภัยต่างประเทศบางแห่งซึ่งมีรัฐบาลเป็นผู้ถือหุ้น แม้ว่าบริษัทดังกล่าวจะถูกจัดอันดับความน่าเชื่อถือในระดับ BBB+ ตามระดับความน่าเชื่อถือของประเทศนั้นๆ ก็ตาม ในทางกลับกัน บริษัทฯ มีการรับประกันภัยต่อด้วยเช่นกัน เนื่องจาก คปภ. กำหนดให้กรมธรรม์ประกันภัยทรัพย์สิน จะต้องเก็บไว้ในประเทศ 20-30 ล้านบาทต่อกรมธรรม์ก่อน จึงจะประกันภัยต่อไปยังต่างประเทศได้ ดังนั้น บริษัทฯ ซึ่งเป็นบริษัทประกันภัยขนาดใหญ่และมีศักยภาพในการรับประกันต่อและได้รับประกันภัยต่อจากบริษัทต่างๆในประเทศ จึงจำเป็นต้องรักษาระดับความน่าเชื่อถือ โดยจะต้องมีการตั้งสำรองความเสียหายไว้ให้เพียงพอ และซื้อความคุ้มครองแบบ Excess of Loss หรือ ความคุ้มครองความเสียหายส่วนเกินกว่าจำนวนที่กำหนดไว้อีกชั้นหนึ่งด้วย

บริษัทฯ ได้วางแผนกำหนดเป้าหมายและ KPI สำหรับการขยายตัวของธุรกิจเป็นประจำทุกปี โดยอิงกับระดับ GDP ณ ขณะนั้น แต่หากกรณีที่เกิดปัญหาเศรษฐกิจและการเมือง บริษัทฯ อาจปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ใหม่ โดยการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า พยายามรักษาฐานลูกค้าซึ่งมีอยู่เดิม และขยายฐานลูกค้าใหม่ควบคู่กันไป รวมถึงการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ให้เหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจ ในขณะเดียวกัน บริษัทฯ พยายามควบคุมค่าใช้จ่ายภายในบริษัทฯ ให้เหมาะสมและมีประสิทธิภาพ มีการกำหนดแนวทางการดำเนินงาน และการพัฒนาความรู้ความสามารถของพนักงาน เพื่อเพิ่ม productivity และเมื่อเศรษฐกิจของประเทศพื้นตัว บริษัทฯ ก็จะสามารถแข่งขันได้เป็นอย่างดี